เรื่องเล่า ที่มาของดินสอ EE

มีหลายคนสงสัยถามกันมามาก ว่า ดินสอ EE มาจากไหน ? ทำไมถึงเรียกว่า EE ?

ดังนั้นก่อนจะไปถึง EE คงต้องรู้จักกับอักษรสัญลักษณ์ อื่นๆก่อน...บนด้ามดินสอไม้ ส่วนใหญ่ หรือ
เรียกว่าเกือบทั้งหมด จะต้องมี อักษรสัญลักษณ์ บนด้ามดินสอเพื่อบอกให้รู้ความเข้มของดินสอแท่งนั้นๆ
เช่น F HB 2B  EE ฯลฯ นั่นคืออักษรสัญลักษณ์ที่แทนความเข้มของดินสอ แล้วแต่ละตัวใช้แทน
ความหมายว่าอะไรบ้าง

ในปี ค.ศ. 1795 พระเจ้านโปเลียนที่ 1 มีรับสั่งให้ นิโคลาส แจ๊ค ดังเต้ ซึ่งเป็นหัวหน้านักเคมีและนักประดิษฐ์
ชั้นแนวหน้าของประเทศฝรั่งเศส นำกราไฟต์ที่สามารถหาได้ทั้งหมดในฝรั่งเศสมาทำเป็นดินสอ แต่เมื่อนาน
เข้าทำให้เกิดการขาดแคลนกราไฟต์  นิโคลาสจึงได้นำเอากราไฟต์มาบดเป็นผงแล้วผสมเข้ากับดินเหนียวชนิดหนึ่ง
ในสัดส่วนที่แตกต่างกันเพื่อหาส่วนผสมที่ดีที่สุด แล้วจึงนำไปเข้าเตาเผา จนกลายเป็นต้นตำรับของการทำดินสอ

คือ เนื้อเหนียวขึ้น ไม่หักเปราะง่าย และด้วยการเพิ่มดินเหนียวเข้าไปตามอัตราส่วนนี้เองทำให้สามารถผลิต
ไส้ดินสอออกมาได้หลายน้ำหนักความเข้ม กล่าวคือ  แข็ง ( Hard ) หรือ H ลงมาจนอ่อนสามารถเขียนได้ติด
ดำสนิท ( Black ) หรือ B ซึ่งในปัจจุบันมีตั้งแต่ 5 H และ 6 B 

เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานและจึงใส่ส่วนผสมให้มีมากขึ้น เพื่อให้เหมาะกับผลงานชิ้นนั้นๆ ให้มีความเข้มมากขึ้น 
และน้อยกันแตกต่างกันไปนั่นคือดินสอที่ผลิตอยู่ในท้องตลาด คือ 9H(มีไส้ดินสอที่แข็งที่สุด แต่ให้สีอ่อนที่สุด)
ไล่ไปที่ 8H, 7H, 6H, 5H, 4H, 3H, 2H, H, F และ HB(เป็นดินสอระดับมาตรฐานสำหรับงานเขียน) ไปจนถึงระดับ
B, 2B, 3B, 4B, 5B, 6B, 7B, 8B และ 9B(เป็นดินสอที่มีไส้อ่อนที่สุดแต่ก็สีดำที่สุด)

อักษรสัญลักษณ์ย่ออื่นๆ 
F ย่อมาจาก Fine Point
H ย่อมาจาก Hardness (H จะมีความแข็งน้อยที่สุด หมายความว่าความเข้มมากที่สุด 2H, 3H, 4H, 5H จากความเข้มมากที่สุดไปน้อยที่สุด)
B ย่อมาจาก Blackness (HB จะมีความเข้มน้อยที่สุด B, 2B, 3B, 4B, 5B, 6B จากความเข้มน้อยไปมากที่สุด)

ส่วน EE นี้มีที่มาครับ E มาจากคำว่า Extra เมื่อก่อนเคยใช้ชื่อว่า EX-EXB ซึ่งย่อมาจาก
Extra-ExtraBlack (มีความเข้มเท่ากับ 8B-9B) จาก EX-EXB ก็เลยกลายเป็น EE ในที่สุด

แหล่งที่มา

1. https://sites.google.com/site/yanglbdinsxeeee/prawati-dinsx-ee

2. https://www.facebook.com/355509414584961/posts/504819266320641/